วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สัมผัสชีวิตบ้านๆกับการดีท็อก 3,4

สัมผัสชีวิตบ้านๆกับการดีท็อก

วันที่3 ณ ชเลขวัญ และริมหาด

ตื่นมาปกติตี 4:00 ทำภารกิจตามปกติ อมน้ำมันมะพร้าว,พอกหน้า,แช่น้ำร้อน,จิบน้ำชา อาการปวดหัวของผมหายไปละ บรรยากาศเช้าๆอบอุ่นกันมากขึ้น ด้วยเรารู้จักกันมากขึ้น ต่างคนต่างช่วยกันคนละไม้ละมือ เราเรียกกันว่าโรงน้ำชา หลายๆคนเริ่มบอกเสียงกรนของชายคนนั้นเบาลงละ ผมกะพี่พจน์ก็ออกช่วยบิณฑบาตอีกวัน อาการหิวก็ยังมีอยู่แต่ควบคุมจิตใจได้มากขึ้น,ไก่ทอด,หมูปิ้ง,ขนมครกร้อนๆ,โจ๊กหมูนุ่มๆ น้ำลายบ้อยยยย มีน้าท่านนึงใส่บาตรเสร็จพระท่านให้พรมีท่อนนึง"อยากชิปหายให้เล่นหวย" ผมสังเกตน้าแกสะดุ้ง สะอึกชัดเจนเหมือนจิเอาถาดฟาดเด็กวัดแกคงอยากเอาของที่ใส่บาตรไปคืนฮ่าๆๆ ไม่น่าพลาด ขาเบอร์หุ้นแน่ๆ ตัวแม่ด้วยเอาดิ 


ก็กลับที่พักดื่มน้ำตามโปรแกรม เต้นออกกำลังนิดหน่อย จากนั้นต่อด้วยการฝังตัวในทรายริมหาด เพื่อบำบัดโรคและฝึกกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง ก็ใช่สิ พอโดนฝังกลบแล้วทรายก็หนักอึดอัดเอาเรื่องอยู่ ฝังทั้งมือ ทั้งตัว เหลือหัวไว้หายใจและมองท้องฟ้า เสร็จก็ดื่มน้ำลิดท็อกเปรียบไปก็เหมือนกินข้าวนอกสถานที่ริมหาดโด้ บรรยากาศสุดยอด!!...เหออรสชาดเหมียนเดิม!!


พักผ่อนแยกย้ายมุมใครมุมมันและเริ่มอดน้ำตั้งแต่บ่ายสาม รอดื่มน้ำมันมะกอกเพื่อขับของเสียออกให้ได้เต็มประสิทธิภาพสุด ตอนสี่ทุ่ม ดีหน่อยอาการปวดหัวหายไปมีปวดใจมาแทนฮ่าๆๆๆ หิวอีกแล้ว!! พอตอนเย็นทุกคนก็ต้องเต้นเพื่อทำร่างกายให้พร้อม ทีนี้มาถึงตอนสำคัญสามทุ่มกว่าๆ โกบาว ก็อันเชิญทุกๆท่านพร้อมกันที่ลานประชุม เปิดเพลงเล่นกี้ต้าร้องเพลง และรับขวดน้ำมันมะกอกขวดของตัวเองถือไว้ แล้วเขย่าให้เข้าจังหวะเพลง หวังว่าให้สนุกกับมันลืมๆรดชาดของนำ้มันสินะ หึหึๆ นึกหรือว่าจะได้ผลกับตรู เปล่าเลย!!...เพลงจบปุ๊บสี่ทุ่มเป๊ะ เปิดฝาขวดกระดกทีเดียวให้หมด ฮาโรยยยยย บางคนยกทีเดียวหมด ป้าเจือกระดกเหมือนน้ำเปล่า บางคนเป็นลม(คงเพราะร้องเพลงมากเกินมั้ง) แต่ใจสู้ลุกขึ้นกระดกต่อจนหมด กระผมนะหรือ 3-4 ตรั้งกว่าจะหมดขวดปริมาณแค่ 120 cc นิแต่ดื่มนานเหมือนเป็นกลม!!..รสชาดเปรี้ยว,มัน,เหื่อนๆ,เฝื่อนๆ,มันๆ แต่กลิ่นนี่สิ ลงคอไปแล้วแม่งจะออกกลับมาอย่างเดียว เรอไม่หยุด!!...อาลัยแป็บ!!..น้ำตาไหล. เฮ้ออออ คลื่นใส้มากๆ ดีหน่อยมีมะขามเปียกกะเกลือไว้แก้เลี่ยน!!...ก็แยกย้ายไปนอนรอถ่ายของเสียเพื่อตรวจสอบ พี่รันพี่ชายผม นอนสักแป็บแกก็รอๆ นะ รอ รออะไร รอให้ขรี้มาหรือพี่!!...รอไปตะ....5555


วันที่4 ...

ตื่นตี 4 เหมือนเดิม กับโรงน้ำชา และภารกิจส่วนตัวดีท็อก,อาบน้ำ คือที่กินน้ำมันมะกอกไป ต้องถ่ายก่อนบ่ายสอง ทุกครั้งที่ถ่ายเก็บใส่ถัง รอตรวจ ผมและเพื่อนๆหลายคนเรียบร้อยมีขรี้ใส่ถังเป็นของตัวเองรอตรวจทุกคน เหลือพี่รันแกก็ยังรอขรี้ของแกอยู่ รอตั้งแต่ตี 2 เมือคืนนุฮาๆๆ จะเที่ยงแล้วเด้!!...แต่สุดท้ายก็ยินดีกับแกด้วย คับ..มีขรี้เป็นของตัวเองก่อนบ่ายสอง ไม่อย่างนั้นผมว่ามีการขโมยขรี้เกิดขึ้น!! ...


ช่วงนี้ก็พักผ่อนตามสบายผมอาการดีขึ้นสดชื่นแม้ไม่ได้กินข้าวเลย หลายคนๆสดใส ป้าเจือดูแกแข็งแรงจนผมนิอายเลย "โตโต้ไหวไหม" คำถามจากป้าเจือ ขณะผมนอนพักแกนั่งอยู่บนแคร่ ใต้ต้นไม้ ฮ่าๆ จริงๆผมควรจะเป็นคนถามป้านะ!!..ถึงเวลาตรวจสิ่งที่ถ่ายออกมาละ กลิ่นไม่ต้องพูดถึงเปิดถังมานี่ นับถือใจโกบาวและอาจารย์ที่ตรวจจริงๆ ผลของกระผมมีนิ่วในถุงน้ำดี เมือกจับเชื้อมะเร็งซึ่งหลุดออกมาเป็นเม็ดๆ. ดำๆเขียวๆต่างกันไปตามพฤติกรรมการกิจและใช้ชีวิตของแต่ละคน..จากนั้นก็แยกย้ายต่างคนต่างบ่นๆอืมอัมๆ กับขรี้ของตัวเอง และโม้กับเพื่อนอีก อย่างนู้นอย่างนี้ เรื่องขรี้เป็นเรื่องธรรมชาติๆๆๆๆๆๆๆ...และก็ช่วงบ่ายแก่ เราจะได้ดื่มน้ำอ้อย หวานเย็นๆ ผมนึกในใจเบิ้ลสัก8แก้วให้ได้แรงอกที!!..ไปถึงโรงครัว คับผม น้ำอ้อย ของจริงคับผมก็หวั่นๆว่าจะได้กินดีไหม!!..ยืนยันน้ำอ้อยจริงๆ แต่เหยดดดดดเข้ พริก มีพริกปนมาอีก เฮ้อ!!..กะแล้ว...แม่ครัวบอกมันดันหล่นไปเอง ..โด่วที่ว่างเยอะแยะ เฮ้อ!!..5555 แต่มารู้ว่าท้องเราว่างน้ำออยหวานใส่พริกเพื่อรักษาสภาพน้ำอ้อยอย่าให้บูด ลงกระเพาะเราปุบดูดซึมไปใช้เลย!!...


วันนี้จะดื่มน้ำมันมะกอก สองทุ่มเพื่อซ้ำให้บางคนที่ถ่ายไม่หมด และล้างตับ ถุงน้ำดี,ลำไส้อีกที โดยไม่ต้องเก็บมาตรวจละ ปล่อยให้ไหลไป ไหลลงโถส้วมเลย!!..ใกล้เวลาก็เหมือนเดิมรวมพลออกกำลัง ร้องเพลง สองทุ่มเป๊ะดื่ม วันนี้ทุกคนง่ายขึ้น รู้วิธี จากนั้นก็นั่งฟังบรรยาย คุยๆ เล่าความรู้สึกกัน ขณะนั้นเองแม่ง เย้ๆ เยส คูติญโย่ตีเสมอ 1-1 ฮ่าๆ ทุกสายตามองมาที่ผม (ขอโทษทุกคนคับเสียมารยาทผมดูบอลกับโทรศัพท์ใส่หูฟังคู่ เชลซี-หงส์) อึ้งกันหมดเกิดไรขึ้นนำมันมะกอกทำฤทธิ์หรือ โกบาว จิตอาสาของเราแกคงคิด!!..แยกย้ายไปนอนคับ



วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สัมผัสชีวิตบ้านๆกับการดีท็อก 2

สัมผัสชีวิตบ้านๆกับการดีท็อก

วันที่ 2... ณ ชเลขวัญ


กระผมเล่าต่อจากเมื่อวาน กลางคืนมีการนอนเต็นท์ รวมๆกันหลายๆหลัง ต่างคน ต่างถิ่น เมื่อมานอนรวมกันสิ่งที่กังวลก็เป็นจริง "เสียงกรน" เนื่องด้วยผมนอนหลับยากยิ่งแปลกที่ด้วย แต่ที่เหนือกว่าไปอีกคือ แกกรนจริงๆ กรนเอาจริงนิ เสียงเหมือนวิญญาณจะหลุดจากร่าง เสียงลากยาววววววแล้วโช็คกลับ ปลุกปลั๊กๆ กลั๊กๆ ปักๆฉี้!!!..ไม่รู้จะเปรียบเป็นเสียงอะไรดี โรงโม่หิน,โรงน้ำแข็ง ได้หมด!!ระดับเดซิเบลทะลุปรอททำให้กระผมก็หลับๆตื่นๆ 


ตื่นตี 4:00 เพื่อมาเช็คระดับกรดด่างในร่างกาย และอมน้ำมันมะพร้าวฆ่าเชื้อแบตทีเรีย แล้วพอกหน้า นั่งแช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพร อุ่นๆ ระหว่างนั้นก็จิบน้ำชาร้อนๆ ผ่อนคลายสุดๆ รู้สึกสบายเหมือนไม่ใส่อะไรเลย!!...ต่อจากนั้นกระผมกะพี่พจน์ออกช่วยพระบิณฑบาตในฐานะเด็กวัดเก่า พอได้อยู่ กระผมก็เดินตามพระเว้นระยะห่างพอประมาณ ก็มีชาวบ้านส่วนมากคนสูงอายุ คอยใส่บาตร หาคนหนุ่มสาวได้น้อยมากๆ และตลอดการเดินรับบาตรก็เห็นวิถีชาวบ้าน เป็นอยู่ง่ายๆ ผักสดๆปลูกข้างเรือนยังหาดูได้ ส่วนตัวกระผมมีจังหวะผ่านร้านข้าวเหนียวไก่ทอด!!..หอม,หิววว,เนือยยยยยยยยเด้!!!(คือหิวมว๊ากกกก)
ตรูจะขอบิณฑบาตเหนียวไก่ทอดซะเอง ฮาโรยยย  (ตลอดการอยู่ที่นี่ไม่อนุญาตให้กินข้าวหรืออาหารแข็งใดๆ) ก็เสร็จภาระกิจการเป็นเด็กวัด มาสู่กระบวนดีท็อก เหมือนเดิม ดื่มน้ำลิดท็อกซ์. อาบน้ำ ดีท็อก และพักผ่อน 

ตอนนี้เองกระผมเริ่มปวดหัว อยากกินกาแฟจับใจ ปกติไม่ติดนะแต่แม่งขาดไม่ได้สักวัน สรุปยินดีด้วย "ตรูติดกาแฟครับ" ก็กระสับกระส่ายหมดแรงปวดหัว งงๆ มึนๆ อยากหนีกลับบ้านวะ ฮ่าๆ แต่ก็แก้ด้วยการจับจอบขุดดิน ออกเหงื่อเยอะๆคับ!!


พักเที่ยงดื่มน้ำลิดท็อกซ์ ต่อด้วยน้ำผักผลไม้ปั่น รสชาดสบายๆ กินขี้ควายก็ไม่ต่างกัน!!..อาการปวดหัวยิ่งเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องขอนอนพักยาวๆ ...จนตอนบ่ายสามลุกขึ้นดื่มน้ำลิดท็อกซ์
มึนๆปวดๆ และมาทำ "กัวซา" คือขูดพิษออกระบายทางแผ่นหลัง ทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง!!
ตอนเย็นก็ดีท็อก พักผ่อน ฟังบรรยาย พักผ่อน
ขณะนี้ 20:55 น เตรียมตัวนอน แต่หิวววววมากคับ ข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด!!..


วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สัมผัสชีวิตบ้านๆกับการดีท็อก

สัมผัสชีวิตบ้านๆกับการดีท็อก



กระผมนำเสนอและสัมผัสชีวิตการเข้าคอสทำดีท็อก,ตับ,ไต,ใส้พุง ไม่อิงวิชาการใดๆ ในช่วงเวลา 5 วัน 4 คืน!!..นำเสนอมุมมองกระผมเองนะคับ!!

วันที่ 1


ออกเดินทางจากภูเก็ตมุ่งสู่ท้ายเหมือง จ.พังงา สู่สถานที่ทำดีท็อก "ชเลขวัญ"และเราถึงก็ไม่พบกับความผิดหวังของบรรยากาศความสดชื่น ร่มรื่น อุดมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ที่อุดมสมบูรณ์อากาศสดชื่นมากๆ มาถึงก็จัดการลงทะเบียนรับอุปกรณ์สำหรับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ และกางเต็นท์สำหรับหลับนอน กฎอย่างนึงของการขึ้นเต็นท์คือ เสียบก่อนได้เปรียบ จะได้ไม่ลำบากมือออกแรงเบาๆ 



อาหารมือแรกที่เตรียมไว้ให้คือ ผงๆเขียว 1 ช้อน ผสมน้ำมะขามมั้ง เหยดเข้นึกในใจกะว่าน่าจะเป็นข้าว หรือผัดผักอ่อนๆละ ตรูหิววววว แต่ก็ก็กินไปตามอัตภาพ รสชาดนะหรือ หึหึๆ ยาเขียวผสมอ้วกแมว+น้ำผึ้งมะนาว จากนั้นก็แยกย้ายกันทำดีท็อก สั้นๆง่ายๆคือเอาน้ำที่เตรียมใส่อุปกรณ์แล้วใช้สายยางเสียบตูดตัวเองตามอัธยาศัย เพื่อนผมชาลีด้วยความส่าเคยมาแล้วและเป็นห่วงเพื่อน ก็มายืนตะโกนถามๆหน้าห้องน้ำ ไงบ้างวะเสียบเข้าไหม ลึกแค่ไหน อั้นไว้ๆ นั้นแหละๆ ใส่ไปๆ เอออออออ เห็นไหมๆ ไงบ้างวะ ตอบๆมาสิ!!...อืมมมม กรูว่ามรึงเข้าไปช่วยมันเสียบเถอะ


ครับจากนั้นก็แยกย้ายพักผ่อนชมนก ชมไม้ หรือจะบริจาคเลือดให้ยุงบ้างก็ตามใจ หรือจะรีดเหงื่อด้วยการกวาดกิ่งไม้ ใบหญ้า บริเวณก็แล้วแต่คับ 

ต่อด้วยการฟังบรรยายสไตล์บ้านๆ ฮาๆ เป็นกันเอง แฝงด้วยความรู้ว่าทุกๆอย่างของโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายของคนเรานั้น ส่วนมากมาจากการกินอาหารของเราเอง บางคนเป็นเบาหวานรู้ทั้งรู้ ของแนวหวานๆคือห้าม แต่เสือกอยากกินทุเรียน!!...ก็ว่ากันไป ณ ตอนนี้กระผมเริ่มตาลาย มึนๆเล็กน้อย ตรูหิวววววว แต่ดีหน่อยหลวงพี่อายุ 53 พรรษา แกมีวิธีเสนอพูดคุย เฮฮากันเองยังกะวัยรุ่น จนลืมหิว หลวงพี่แทรกคำสอนที่เป็นจริง ว่าคนสมัยนี้ทำบุญหวังผลทั้งนั้นส่วนมาก ทำบุญ20บาท ตั้งจิต อธิษฐาน ขอตั้งแต่ให้หายโรคและมีเงินทองมากมายสบายๆ ตีเป็นมูลค่าเป็นล้าน คนเบื้องบนรอรับคำขอขาดทุนแย่ดิ!!!...ขำๆ สะท้อนความจริง คนเราอ่อนแอก็ขอๆๆๆๆๆไม่ยอมลงมือทำ ชอบทางลัด ความรวยเอย ความอ้วนเอย เสือกแดกไม่คิดแล้วมาขอตรูให้ผอมเนี่ยนะ ปวดจิต!!...ประมาณนี้กับคำสอนที่ให้อยู่กับความจริง ซึ่งผมเห็นด้วยว่าคนเราจะทำบุญก็ควรมาจากความเต็มใจจริงๆหาใช่โดนบังคับหรือเกรงใจ 
ช่วงเย็นดื่มน้ำคุณบังเอิญรสชาดนะหรือ฿@"96-$¥%}\$++<¥•...คับประมาณนี้ และแยกย้ายทำดีท็อก พักผ่อน ขณะนี้เวลา 20:51 น จบวันคับ!!


วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ปั่น trek ลงแทร็ก!!(มือใหม่)

ปั่น trek ลงแทร็ก!!..(มือใหม่)

ณ สนามปั่นวิบากเขื่อนบางวาด กะทู้ จ.ภูเก็ต


กระผมและทีมงานไป๊..ถีบกัน@ภูเก็ต..มาลองปั่นสนามวิบากในเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นครั้งแรกของผมและทีมงาน ก่อนอื่นทุกคนต้องรู้คือเตรียมสภาพรถให้พร้อม เบรค ยางไม่ต้องตึงมาก สำหรับมือใหม่ใช้เป็นบันไดธรรมดาและรองเท้าปกติก่อนคับ เผื่อง่ายในการบินทิ้งรถเมื่อเราเข้าสู่สนาม และเช็คสภาพร่างกายต้องนอนพักผ่อนเพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ 


เริ่มกันเลยคับ สนามทั้งหมดมี 3 สนาม สนาม 1 เน้นความเสียวซ่าน ประมาณว่านั่งรถไฟเหาะโดยไม่คาดเข็มขัด คือพร้อมจะแหกโค้งหลุดสนามตลอดเวลา พื้นเป็นหญ้าเขียวนิ่ม นุ่ม ล้มแล้วสบายละ จะยากหน่อยก่อนจบเป็นการขึ้นเนินอย่างชัน 70 องศา เป็นการฝึกสเต็ปใช้เกียร์และเลี้ยงรอบขาขึ้นเนินคับ

สนาม 2 มีทุกอย่าง ความชัน โหด มัน เสียว ส่วนมากมือใหม่จะได้แผลกันก็สนามนี้คับ เริ่มปั่นด้วยทางเรียบมีทรายและหิน โค้งซ้าย-ขวา หักศอก และท่านนึงในกลุ่มก็ล้มโชว์หัวปัก หัวทิ่ม ลังกาหลังนั่งยิ้มอยู่ ดีที่เป็นมวยเวลาล้มเจอไรจับได้ก็เกาะให้แน่น รถช่างมัน ปั่นกันต่อคับ เจอโค้งหินเยอะขึ้นระหว่างทางเลี้ยว มีต้นไม้เยอะแยะธรรมชาติมว๊ากกกก ทางก็เป็นดินเหนียวนิดๆลื่นพองาม รากไม้ก็โผล่มาทักทายยางตลอดเส้นทาง ซึ่งไม้นี่แหละลื่นดีนักแล โปรดระวัง เส้นทางช่วงนี้ ประมาณว่าปั่นเข้าป่ามีเถาวัลย์และต้นไม้ใหญ่ไว้คอยทดสอบสมาธิอย่างดี มิเช่นนั้นได้เมียเป็นนางไม้แน่ๆ ระหว่างนั้นก็มีเนินเล็กๆ ใครมีความสามารถก็โดดจั้มผ่านระหว่างเนินได้ ตลอดการปั่น คนนำของพวกเราก็หยุดตาหลอดดดดด ล้มเองขำเองได้แผลเอง สม!!!!  เสียงดังโว้กเวกกันมาก สะเทือนทั้งเขื่อน แต่ฮา ขำ สนุก ส่วนสุดท้ายของสนามเป็นทางตรงพื้นหญ้าใส่ความเร็วได้เต็มที่คับ

สนาม 3 ทดสอบ ทดสอบความสามารถจริงๆเทคนิดการปั่นของแต่ละคนต้องงัดมาใช้สนามนี้ ส่วนกระผมสำหรับสนามนี้ เข็ญคับ จบนะ!!..เพราะเป็นทางเอียงขึ้นเนิน70 องศา ลงนิดเดียว แล้วขึ้นเนินอีกเกือบทั้งสนาม 

สรุปการปั่นลงแทร็กครั้งแรกของพวกกระผมได้ความเสียว มัน ฮา และเลือด ยอมรับว่าสนุกกว่าที่คิดเยอะคับ อยากให้ท่านใดที่ไม่ค่อยมีเวลาออกทริปได้ลองลง ปั่นในแทร็ก รับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวัง...

            
       ## สนามวิบากให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด##


วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ชีวิตติดตามหงส์

หงส์มาเยือน

กระผมออกเดินทางครั้งนี้เพื่อติดตามทีมรักเฝ้าเชียร์มาตั้งแต่ประมาณปี 90 ซึ่งเป็นการได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษครั้งสุดท้ายพอดี แม่งนานไปละ จนแฟนผีล้อเลียนต่างๆนาๆ ซึ่งแต่ก่อนผีเอง มีถ้วยแชมป์สูงสุดอันน้อยนิดแต่ก็ต้องยอมรับในความสามารถของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ปลุกเสกทำให้ทีมดาดๆ อย่างผีแดงกลายมาเป็นทีมยิ่งใหญ่เทียบเท่าลิเวอร์พูล ประกอบกับทีมผู้บริหารมีวิสัยทัศน์มองการไกลสามารถบริหารทีมแบบธุรกิจควบคู่กับความสำเร็จในสนามอันนี้ชื่นชม และต่อยอดความสำเร็จด้วยฐานของแฟนบอลทั่วโลกเบียดสูสีกับลิเวอร์พูล สำหรับคู่อริตลอดกาลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพวกเขามั่นคงล่วงหน้าด้านธุระกิจ (ดีละจะได้สมนำ้สมเนื้อหน่อย ปลอบใจตูเองฮ่าๆๆ)


ครับผมก็เดินทางถึงกรุงเทพมหานครด้วยสายการบิน"อู๊ดๆแค่มีตูดก็บินได้"แล้วผมก็เที่ยวชมสภาพแวดล้อมของเมืองบางกอกเล็กน้อย ก่อนถึงสนามประมาณ 17:30 น เพื่อเยี่ยมชมบรรยากาศรอบๆสนาม ของแฟนบอลทั้งชาวไทยและต่างชาติ ก็มีหลากหลายครับ ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดง ดำ ขาว รวมสาวๆ สวยๆ ขาวๆมากมาย และขอชื่นชมสาวๆสวยๆ ทั้งหลายเดี๋ยวนี้ไม่ได้ติดตาม football เฉพาะว่านักฟุตบอลหล่อล่ำอย่างเดียว พวกเธอมีความรู้เรื่อง football และรู้จักนักเตะดีพอสมควร ซึ่งเป็นการดีสำหรับเมืองไทยด้วยเพราะผมมองว่าขณะนี้กระแส football ไทยกำลังมา น่าจะจับกองเชียร์เหล่านี้ให้เป็นฐานแฟนบอลอันมั่นคงเพื่อทำตามเป้าหมายของไทยที่จะไปบอลโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า เพราะความสำเร็จจะมีไม่ได้ถ้าไม่มีแฟนบอลที่รักและเชียร์ทีมด้วยสปิริตความทุ่มเท พอๆกันกับนักฟุตบอล  สภาพแวดล้อมก่อนเข้าสนามก็มีบูธเล่นเกมส์ มีพริตตี้ และพวกแปลกๆ มาคอยถ่ายรูป ซึ่งเป็นสีสันของการเชียร์ football อยู่แล้วครับ 



จากนั้นเข้าสู่สนามก่อนเวลาเตะจริงคือ 20:00 น ก็มีนักเตะทั้งสองฝั่งลงวอร์มยืดเส้นยืดสายในสนาม ครั้งนี้ผมจับตา หู จมูก ร็อดเจอร์ เป็นพิเศษว่าเขาจะมีแบบแผนทิศทางของทีมเป็นอย่างไรสำหรับเป้าหมายในการลุ้นแชมป์หรือติดอันดับ 1 ใน 4 ของปีนี้ ครับก่อนเกมจะเริ่มซึ่งต้องมีพิธีการเยอะแยะ จนเป็นเอกลักษณ์ของไทยแลนด์เวลาจัดการแข่งขันใดๆ เข้าสู่สนามเริ่มเกมกันเลย ฝั่งลิเวอร์พูลเหมือนจะมาด้วยระบบ 4-4-2 แบบไดมอนด์โดยมี ลูคัส เป็นกลางตัวรับและแบล็คซ้ายหน้าใหม่เป็นเด็กปั้นอนาคตน่าจะไกลไว้ก่อน ชุดนี้ผสมผสานด้วยนักเตะเก่าเพื่อพิสูจน์ตัวเองแล้วก็ดาวรุ่งซึ่งคาดว่าจะได้ร่วมทีมชุดใหญ่และ Ing นักเตะใหม่ รูปเกมก็เป็นไปอย่างรวดเร็วต่อบอลสั้นเน้นเพรสซิ่งเข้าทำเร็วด้านข้างและตัดเข้ากลางซึ่งดูแล้วมีความกระฉับกระเฉงว่องไวตั้งแต่นาทีแรก และเป็นทางฝั่งหงส์ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากการต่อบอลกันสวยงามและหลุดไปของ. มาโควิชแตะหลบผู้รักษาประตูขึ้นนำทีมรวมดาราไทยลีกทรู ผ่าน 20 นาทีก็เป็นหงส์ยังต่อบอลด้วยความแม่นยำกว่าแต่ก็จะมีความผิดพลาดจากเด็กดาวรุ่งกองกลาง และประสานงานแดนหน้ายังไม่ลงตัว ก่อนจะนำ 2-0 ด้วยลูกเตะมุม. โดย ซาโก ข่าวว่าหลังแข่งจบจัดเลี้ยงโต๊ะจีนเพื่อนทั้งทีมดีใจที่ทำประตูได้ฮ่าๆ ที่เหลือก่อนหมดครึ่งแรกรูปเกมก็เป็นไปด้วยความระมัดระวังมีจังหวะบุก ของฝั่งไทยเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 2-0 ช่วงพักครึ่งก็มีฝนโปรยปรายเป็นสัญญาณเตือนลงมาเล็กน้อยแต่บรรดากองเชียร์ฝั่งไม่มีหลังคาทั้งหมดก็ยังยืนหยัดให้กำลังใจสู้ต่อไป


กลับมาเริ่มครึ่งหลัง ร็อดเจอร์ จัดทีมระบบ 4-3-3 โดยน่าจะเป็นผู้เล่น ชุดนี้ที่จะเป็นตัวหลักสำหรับสู้ศึกในฤดูกาลใหม่ นำโดย แอนเดอร์สันกัปตันทีม  ลัลลาน่าและ โอริกกี ศูนย์หน้าตัวใหม่ รูปเกมมีความรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมการเคลื่อนตัวของผู้เล่นช่วยกันหาที่ว่าง เล่นเต็มพื้นที่ของสนาม ทำให้ง่ายต่อการออกบอลเร็วและวิธีเข้าทำก็หลากหลายขึ้น ทันใดนั้นฝนและลมแขกไม่ได้รับเชิญร่วมมือกระหน่ำลงมายังสนาม แต่ก็มิอาจพรากความตั้งใจ ของกองเชียร์พันธุ์แท้รวมถึงผมได้ ผมหาถุงพลาสติกคลุมหัวแทนหมวกส่วนอื่นๆเปียกหมดไม่เหลือ เริ่มหนาวขนแขนก็สแตนอัฟโดนพร้อมเพลียง และมีกองเชียร์บางส่วนทยอยหลบฝน ก็ว่ากันไปคับ ชมเกมส์กันต่อ จอห์นไอบีซึ่งจะมาแทนสเตอร์ลิงมีบทบาทพอดู เร็ว คล่องตัว แต่ยังขาดจังหวะตัดสินใจเล็กน้อย ส่วนจังหวะได้ประตูจากการกระทำที่สวยงามอีกครั้งโดย แอนเดอร์สัน จ่ายไขว้หลังให้ ลัลลาน่าทำเป็นประตู ส่วนโอริกี มีบทบาทสำหรับแผนการเล่นแบบนี้เป็นกองหน้าตัวใหญ่บังบอลได้ ไปกับบอลดีเคลื่อนที่เร็ว จังหวะจบสกอร์ ต้องเติมน้ำปลา มะนาว อีกหน่อยคับ แต่ก็มาทำประตูได้ด้วยลูกโหม่งก่อนหมดเวลาเล็กน้อย..จบ การแข่งขันลิเวอร์พูลชนะ 4-0 คว้าแชมป์ ได้ชูถ้วยซึ่งว่ากันว่าทีมใดที่มาเมืองไทยและได้แชมป์กลับไปนั้น ไม่มีทีมใดสามารถกลับไปคว้าแชมป์ลีกได้เลย แม้แต่ยอดทีมอย่างบาซ่าก็เสียท่าให้อาถรรพ์ไทยแลนด์มาแล้ว   (ถึงคราที่อาถรรพ์เยือนไทยแลนด์จะถูกทำลายแล้วซินะ..หึๆ)


สรุปร็อดเจอร์ มาอุ่นเครื่องครานี้เตรียมตัวมาดีโดยลองทีม ครึ่งแรกและครึ่งหลังชัดเจน ที่แน่ๆเราน่าจะได้เห็นกองหลัง 4 คนละ คาดว่าฤดูกาลนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายของ ร็อดเจอร์ หรือไม่ก็ตัดสินกันแค่ 7 นัดแรกของฤดูกาลเท่านั้น..ไงก็เชียร์ต่อไปคับ. 

         ...you'll never walk alone...

ปล. กระผมเปียกปอนไปหมด ขอบคุณเพื่อนๆ รัตน์ เป้า (ยังมีคนคบโว้ยยยย) ที่ให้สถานที่พักพิง เลี้ยงข้าว ขอบคุณมากๆคับ...

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปั่น-เข็นพิชิตเขา

ปั่น-เข็นพิชิตเขา

สวัสดีครับวันนี้นำเสนอการปั่นและเข็นโหดแต่สนุกแบบภูเขาอีกสักครั้งครับ ด้วยการนำสมาชิกใหม่ที่ต้องการเสียแรงให้สายโหด เพื่อทดสอบสมรรถภาพของตัวเองว่าไหวแค่ไหน 


ครับก็เริ่มปั่นกันเลยครับโดยการปรับเกียร์ให้เบาสุดคือ จานหน้าเล็กสุดหลังใหญ่สุด เพราะถ้าเราเกิดไปปรับเปลี่ยนเกียร์ระหว่างทางลาดชันอันตรายมาเยือนครับ จะมีอาการเกียร์สะดุด เพลาติด คลัชไม่จับและเป็นเหตุให้หัวทิ่มลงข้างทางอย่างง่ายดาย!!.. ปั่นกันต่อไปครับก็ถึงจุดพักแรก ก็จัดการกินทุเรียนกันตามสบายคล้ายๆเป็นสวนของเราเอง พร้อมกับถ่ายรูปสภาพแวดล้อม ซึ่งระดับการหายใจของแต่ละคนในขณะนี้ มีติดขัดบ้างแต่ถ้ามีจมูกเพิ่มอีกสัก 2 รูนี่ แหล่มเลยพี่น้องเอ้ย. 



ก็ปั่นกันต่อคับ สัก 200 เมตร ก็ลงเข็นตาม
สภาพเส้นทางที่บังคับ(ตูไม่อยากเข็นเล้ยยยยปั่นสบายอยู่แล้ว อิอิ) ก็มาถึงจุดพักที่ 2 ซึ่งมีผู้ดูแลสวนรอลุ้นและเชียร์ให้กำลังใจพวกเราอยู่ ณ จุดจุดนี้ได้ พบเพื่อนต่างวัยซึ่งใจดี เค้าแนะนำวิวสวยๆ ให้ดูสภาพแวดล้อมที่พวกเขาพักอาศัยแจกทุเรียน สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันสักพัก ซึ่งเราได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่าการถ่ายรูปด้วยโน๊ตบุ๊คนั้นสวยงามฝุดๆ(ลุงที่มีสุราในมือเข้าใจว่าโทรศัพท์คือโน้ตบุ๊ค) และพี่พจน์ก็ยื่นโน้ตบุ๊คให้แกช่วยถ่ายรูปตามความต้องการของแก จนพวกผมจะตกเหวอยู่แล้วก็ยังไม่โดนใจ พอคับพอเถอะเราเข้าใจลุง ว่าลุงไม่ถนัดด้านนี้ซึ่งผมก็ไม่ถนัดดูสวนเช่นกัน...




จากนั้นพวกเราก็เข็นกันต่อ เส้นทางยังเป็นทางเล็กชันลื่นด้วยตะใคร่น้ำ และต่อด้วยดินแดงเหนียว สองข้างรกด้วยหญ้าและต้นไม้เล็ก แต่ก็สามารถปั่นได้บ้างตามความยากลำบากของเส้นทาง เราปั่นผ่านลำธารเล็กๆ และก็ต้องเข็นกันต่อ เพราะเจอดินเหนียวไม่ไหวจะเคลียร์ เดินไปบ่นไม่ได้ พูดไม่ออก หายใจไม่ทัน 55555...ไม่รู้จะพูดไรกันขำไม่ออก 



แต่ก็มาถึงจุดพัก ป่าตองซิปลาย จากนี้เป็น
ทางสบายคอนกรีตลงเขาล้วนๆ มีเส้นทางขาดบ้างและโขดหินอันตรายพอตัว เพราะขณะที่เราปั่นจักรยานลงเขา เราต้องควบคุมเบรคหน้าเบรคหลังให้สมดุลกัน แนะนำให้ยืนและให้ก้นเลยมาข้างหลังเบาะสักเล็กน้อย เพื่อเพิ่มการทรงตัวเอียงซ้าย-ขวาตามจังหวะของถนน ที่สำคัญใจต้องเกินร้อยและพร้อมไปเตะขอบฟ้านะ อย่าเเตะและแถกับถนน...


ระหว่างนั้นก่อนถึงถนนใหญ่ก็มีน้ำตกไม่ใหญ่มาก ไม่พลาดคับ"เล่นซิครับรอเชี้ยไรอยู่" เพิ่มความสดชื่นได้อย่างดีแท้ เสร็จเรื่องก็เดินทางต่อปั่นลงสู่ถนนใหญ่หาดกะหลิม แวะเติมพลังกันเล็กน้อยก่อนปั่นต่อไปหาดป่าตอง และข้ามเขากลับมายัง กะทู้ จบทริปด้วยความสุข สนุก หมดแรง อิ่ม แยกย้ายกลับบ้าน ขอบคุณเพื่อนร่วมทางคับ...




ขอบคุณเพื่อนๆร่วมทางอีกครั้งและภาพถ่ายสวยๆจากทุกคนคับ...




วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปั่นไปรุนไป


สวัสดีครับวันนี้นำเสนอปั่นภูเขาแบบมัน ฮา และชิมของกินไปเล็กน้อยครับ เริ่มรวมพลสมาชิกประมาณ 4 คนรวมอายุ 100 กว่ากระผมเด็กสุดเริ่มกันเลยเส้นทางจากขึ้นเขาความลาดชันตอนแรก 20% ครับ เป็นแบบถนนคอนกรีตมีความลื่นเล็กน้อยถึงปานกลางปั่นกันไปครับตามกระบวน 1234 ผ่านไปด้วยดีไม่ชันเยอะ แต่ทันใดนั้นเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาความชันเพิ่มขึ้นเป็น 45 องศา หรือ 50 ไม่รู้ไม่ได้วัด ฮ่าๆ..ครับพอปั่นไปเรื่อยๆในที่จุดพักห่างจากพื้นราบสัก500เมตรได้ครึ่งทางครับเรียบร้อยรุนครับพี่น้อง ไม่ไหวเพราะว่าปั่นไม่ไหวเถลไถลลงกลางทางขนาดลงรุนแล้วยังรู้สึกว่าเดินไม่ไหวหนักเหมือนแบกข้าวสารสัก 2 กระสอบ และเราก็ยุติการปั่นเพื่อเติมออกซิเจนเข้าปอดก่อนจอตาจะดับ ทันใดนั้นซ้ายมือของเพื่อนผมมีทุเรียนวางอยู่กะพื้นข้างทางป่าหญ้าและตอนนั้นไม่มีมนุษย์ลุงหรือป้าณบริเวณนั้น จึงจัดการกับทุเรียนทุ่มลงพื้นคอนกรีตสุดแรง!!..แตกสิครับก็เรียบร้อยได้ลองนั่งกินและชิมทุเรียน ตามอัธยาศัยชิวๆ จัดการไปทั้งหมด 4 ลูก 



จากนั้นขบวนก็เดินทางต่อด้วยการปั่นไปเรื่อยๆตามความชันของพื้นที่และทางไม่กว้างมากประมาณ 50 เซนติเมตร เส้นทางส่วนใหญ่เป็นดินแดงดินภูเขา และฝนก็ตกโปรยปรายหนักลงมาเพิ่ม แต่ก็เป็นการดีเพราะเหมือนเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้กับนักนักปั่นเราก็ไปกันต่อลุยป่าหญ้าสองข้างทาง



ต่อไปเป็นทางชันขึ้นไปอีกแต่มีความชันขึ้นกว่าเดิมด้วยดินแดงและฝนเริ่มโปรยปราย แต่อุปสรรคเล็กน้อยเหล่านี้มิได้ทำให้เราย่อท้อแต่อย่างใดมีแต่เพิ่มความท้าทาย มีพี่ท่านนึงลุงพจน์ปั่นไปขำไปเพราะว่าเจอเนินและลื่นไถลลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างทางสภาพเหมือนคนตกตึกนอนแผ่หรา จากนั้นพวกเราก็ปั่นกันต่อถึงยอดเนินและเริ่มลงเขา แต่สภาพทางยังแคบเท่าขนาดรถจักรยานเหมือนเดิมและเต็มไปด้วยหญ้านานาชนิด ปรากฎว่าทันใดนั้นลุงทิน ก็ทำการสละจักรยานกลางอากาศด้วยการบินปล่อยให้จักรยานไปตามทางอย่
างเดียวดาย หลังจากรวบรวมสมาธิกันเราก็ไปกันต่อครับ เส้นทางยังใหม่ดิบมีร่องรอยคนผ่านน้อยครับ มีโขดหิน ลำธารเล็กๆมีพันไม้เลื้อยที่ผมไม่รู้จัก มีสวนทุเรียนและก็ยุงเป็นเพื่อน เราเริ่มเจอผู้คนซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของสวนทุเรียน พวกเราทักทายพูดคุยตามอัธยาศัยหารู้ไม่ว่าแน่นท้องอยู่ด้วยทุเรียนของเค้าแล้วก็ถามเส้นทางไปป่าตองว่าไปยังไงจากนั้นก็จากลาด้วยความสันติ แกให้กำลังใจเล็กน้อยเราก็ไปกันต่อครับผม  จนไปเจอเส้นทางที่เริ่มสบายคอนกรีตเพราะว่าเป็นการเปิดเส้นทางของPatong zip line ซึ่งเจ้าของเค้าใจดีเช่นเคยจัดน้ำเบียร์ให้พวกเราและถ่ายรูปสถานที่พร้อมคำเชื้อเชิญ ผ้าเย็นต่างๆอีกมากมายจากนั้นเราก็จากลาลงเขาป่าตองสู่ถนนใหญ่ปั่นข้ามเขากลับกะทู้ด้วยสภาพอิดโรยเหลือแรงไว้ใช้ซัก 15% เวลาในการใช้ปั่นทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมงแต่เป็น 3 ชั่วโมงที่ คุ้มค่าเหนื่อยสนุก ฮา อิ่มและเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่รับรองว่าไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนเป็นแน่แท้ ขอบคุณเพื่อนร่วมทางคับ...